Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/23300
Title: | การศึกษาความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ในเขตกรุงเทพมหานคร |
Other Titles: | A study of understanding concerning the nature of scientific knowledge of the secondary school students in Bangkok Metropolis |
Authors: | วนาภรณ์ ลิ่มศิลา |
Advisors: | สุนทร ช่วงสุวนิช |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย |
Issue Date: | 2530 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | วัตถุประสงค์ของการวิจัย การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนรัฐบาล เขตกรุงเทพมหานคร วิธีดำเนินการวิจัย กลุ่มตัวอย่างประชากรเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 808 คน ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โปรแกรมวิทยาศาสตร์ ปีการศึกษา 2527 จากโรงเรียนมัธยมศึกษา เขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 24 โรง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบวัดความเข้าใจลักษณะของความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ของปีเตอร์ เอ รับบา และฮานส์ โอ แอนเดอร์เสน (Peter A. Rubba and Hans O. Andersen) ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 ด้าน ได้แก่ ด้านการนำไปใช้อย่างมีคุณธรรม ด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ด้านพัฒนาการของความรู้ ด้านการใช้ข้อความกะทัดรัด ด้านการตรวจสอบ และด้านสหวิชา วิเคราะห์ข้อมูลโดยคำนวณหาค่ามัชฌิมเลขคณิต (X̅ ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวิจัย (1) นักเรียนมีความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของความรู้ทางวิทยาศาสตร์ด้านการนำไปใช้อย่างมีคุณธรรมโดยส่วนรวมอยู่ในระดับปานกลาง แต่เมื่อพิจารณารายละเอียดพบว่านักเรียนมีความเข้าใจอยู่ในระดับมาก คือ การใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ตัวความรู้วิทยาศาสตร์ต้องผ่านการตัดสินด้วยคุณธรรม และการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ตัวอย่างหนึ่งไปใช้แล้วไม่เกิดผลดี ตัวความรู้ทางวิทยาศาสตร์นั้นก็ควรถูกพิจารณาว่าไม่ดีด้วย (2) นักเรียนความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของความรู้ทางวิทยาศาสตร์ด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ โดยส่วนรวมอยู่ในระดับมาก แต่เมื่อพิจารณารายละเอียดพบว่า นักเรียนมีความเข้าใจระดับมาก คือ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ แสดงให้เห็นความคิดสร้างสรรค์ของนักวิทยาศาสตร์ กฎ ทฤษฎี และมโนมติทางวิทยาศาสตร์แสดงถึงความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้เป็นผลจากจินตนาการของมนุษย์ และความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของนักวิทยาศาสตร์ (3) นักเรียนมีความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ด้านพัฒนาการของความรู้โดยส่วนรวมอยู่ในระดับปานกลาง แต่เมื่อพิจารณารายละเอียดพบว่า นักเรียนมีความเข้าใจอยู่ในระดับมาก คือ กฎ ทฤษฎี และมโนมติของวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน อาจต้องเปลี่ยนแปลงหากพบหลักฐานใหม่ และความรู้ทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป (4) นักเรียนมีความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ด้านการใช้ข้อความกะทัดรัด โดยส่วนรวมอยู่ในระดับปานกลาง แต่เมื่อพิจารณารายละเอียดพบว่า นักเรียนมีความเข้าใจอยู่ในระดับมาก คือ ถ้าทฤษฎี 2 ทฤษฎีสามารถอธิบายผลการทดลองได้ดีพอกัน เราจะเลือกทฤษฎีที่ซับซ้อนกว่า (5) นักเรียนมีความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ด้านการตรวจสอบโดยส่วนรวมอยู่ในระดับมาก แต่เมื่อพิจารณารายละเอียดพบว่า นักเรียนมีความเข้าใจอยู่ในระดับมาก คือ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ไม่จำเป็นต้องทดสอบได้ด้วยการทดลอง การยอมรับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่จำเป็นต้องอาศัยความคงที่ของผลการทดสอบหลายครั้ง หลักฐานที่สนับสนุนความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเปิดเผยหลักฐานที่สนับสนุนความรู้ทางวิทยาศาสตร์ต้องสามารถกระทำซ้ำได้ และหลักฐานที่สนับสนุนความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่จำเป็นที่จะต้องทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า (6) นักเรียนความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของความรู้ทางวิทยาศาสตร์ด้านสหวิชาโดยส่วนรวมอยู่ในระดับมาก แต่เมื่อพิจารณารายละเอียดพบว่า นักเรียนมีความเข้าใจอยู่ในระดับมาก คือ กฎ ทฤษฎี และมโนมติของชีววิทยา เคมี และฟิสิกส์ มีความสัมพันธ์กัน กฎ ทฤษฎี และมโนมติทางชีววิทยา เคมี และฟิสิกส์ไม่เชื่อมโยงกัน กฎ ทฤษฎี และมโนมติทางเคมี ชีววิทยา และฟิสิกส์ ไม่สัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ระหว่างกฎ ทฤษฎี และมโนมติทางวิทยาศาสตร์ไม่มีส่วนช่วยในการอธิบายและความสามารถในการทำนายของวิทยาศาสตร์ และชีววิทยา เคมี และฟิสิกส์ เป็นประเภทของความรู้ที่แตกต่างกัน |
Other Abstract: | Purpose The purpose of this research was to study the understanding of the upper school students concerning the nature of scientific knowledge. Procedure The sample were 808 male and female students who were studying in mathayom suksa six in science program in the academic year of 1984 from twenty-four secondary schools in Bangkok Metropolis. The research instrument was a Model of the Nature of Scientific Knowledge constructed by Peter A. Rubba and Hans O. Anderson. It was divided into six parts : amoral, creative, developmental, parsimonious, testable and unified. The obtained data were analyzed by means of arithmetic mean and standard deviation. Findings (1) Considering as a whole, it was found that the understanding of the students concerning the nature of scientific knowledge about amoral was at the average level. Considering in detail, it was found that the students understood at the high level : moral judgement can be passed on scientific knowledge; and if the applications of a piece of scientific knowledge are generally considered bad, then the piece of knowledge is also considered to be bad. (2) Considering as a whole, it was found that the understanding of the students concerning the nature of scientific knowledge about creative was at the high level. Considering in detail, it was found that the students understood at the high level : scientific knowledge expresses the creativity of scientists; scientific laws, theories, and concepts express creativity ; scientific knowledge is not a product of human imagination; a scientific theory is similar to a work of art in that they both express creativity; and scientific knowledge does not express the creativity of scientists. (3) Considering as a whole, it was found that the understanding of the students concerning the nature of scientific knowledge about developmental was at the average level. Considering in detail, it was found that the students understood at the high level : today’s scientific laws, theories and concepts may have to be changed in the face of new evidence; and scientific knowledge is unchanging. (4) Considering e as a whole, it was found that the understanding of the students concerning the nature of scientific knowledge about parsimonious was at the average level. Considering in detail, it was found that the students understood at the high level : if two scientific theories explain a scientist’s observations equally well, the more complex theory is chosen. (5) Considering as a whole, it was found that the understanding of the students concerning the nature of scientific knowledge about testable was at the high level. Considering in detail, it was found that the students understood at the high level :scientific knowledge need not be capable of experimental test; consistency among test results is not a requirement for the acceptance of scientific knowledge; the evidence for scientific knowledge need not be open to public examination; the evidence for scientific knowledge must be repeatable; and the evidence for a piece of scientific knowledge does not have to be repeatable. (6) Considering as a whole, it was found that the understanding of the students concerning the nature of scientific knowledge unified was at the high level. Considering in detail, it was found that the students understood at the high level : the laws, theories, and concepts of biology, chemistry, and physics are related; the laws, theories, and concepts of biology, chemistry, and physics are related; the laws, theories, and concepts of biology, chemistry, and physics are not linked; the laws, theories and concepts of biology, chemistry and physics are not related; relationships among the laws, theories and concepts of science do not contribute to the explanatory; and predictive power of science and biology, chemistry, and physics are different kinds of knowledge. |
Description: | วิทยานิพนธ์ (ค.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2530 |
Degree Name: | ครุศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | มัธยมศึกษา |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/23300 |
ISBN: | 9745678694 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Grad - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Wanaporn_Li_front.pdf | 2.86 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Wanaporn_Li_ch1.pdf | 1.45 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Wanaporn_Li_ch2.pdf | 8.76 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Wanaporn_Li_ch3.pdf | 1.19 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Wanaporn_Li_ch4.pdf | 2.85 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Wanaporn_Li_ch5.pdf | 2.15 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Wanaporn_Li_back.pdf | 3.93 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.