Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/29242
Title: | วิวัฒนาการงานเขียนที่เป็นภาษาบาลีในประเทศไทย : ประเภทวิเคราะห์ธรรมในพระสุตตันตปิฎก |
Authors: | สุภาพรรณ ณ บางช้าง |
Email: | ไม่มีข้อมูล |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะอักษรศาสตร์ |
Subjects: | สุตตันตปิฎก -- ประวัติและวิจารณ์ วรรณคดีบาลี -- ประวัติและวิจารณ์ ธรรมะ พระไตรปิฎก พระสูตร |
Issue Date: | 2531 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | งานวิจัยนี้มีเป้าหมาย ที่จะศึกษาวิวัฒนาการงานเขียนภาษาบาลีที่แต่งในประเทศไทย ซึ่งมีเนื้อหาวิวัฒน์ในสายพระสุตตันตปิฏก ผลการศึกษาพบว่ามีผลงานบาลี 35 เรื่อง จำแนกตามลักษณะเนื้อหาและรูปแบบการเสนอเนื้อหาได้เป็น 5 ประเภทคือ ชาดก พุทธประวัติ ธรรมประวัติ สารธรรม และอัตถวัฒฒนา ผลงานเหล่านี้มีวิวัฒนาการตามลักษณะร่วมของวรรณคดีบาลีแต่ละสมัย คือ ผลงานที่แต่งในล้านนาช่วงพุทธศตวรรษที่ 19 มีลักษณะเลียนแบบเนื้อหาและวิธีการเสนอเนื้อหาจากคัมภีร์บาลีของลังกา สาระกระชับสั้น เน้นการสื่อธรรมระดับศีลธรรม โดยอาศัยศรัทธาเป็นตัวนำ และแฝงคติเรื่องกรรม - ผลงานที่แต่งในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20 ทางล้านนาเป็นงานขยายเนื้อหาของผลงานในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19 ให้มีรายละเอียดขึ้น มีโครงเรื่องซับซ้อนขึ้น คติความเชื่อที่ปรากฏเด่น คือ เรื่องพระเมตไตรยพุทธเจ้าในอนาคต ทางฝ่ายอยุธยา ผลงานเน้นการอธิบายความหมายทางธรรมในเรื่องที่เป็นคติความเชื่อของประชาชน มีลักษณะเป็นงานสร้างสรรค์ที่มีความเป็นตัวของตัวเองพอสมควร ผลงานที่แต่งในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21-22 ทางล้านนาเป็นช่วงยุคทองของวรรณคดีบาลี ผลงานประเภทสารธรรมและอัตถวัณณนา มีความเด่นในด้านความรู้ภาษาบาลีและคัมภีร์บาลีของผู้แต่ง ผลงานมีลักษณะเป็นวิชาการ ส่วนผลงานประเภทพุทธประวัติมีความเด่นด้านวรรณคดี ทางอยุธยา ผลงานมีลักษณะเป็นงานวิชาการ แต่ไม่เด่นและมีคุณค่าไม่เท่าผลงานของล้านนา ผลงานที่แต่งในช่วงพุทธศตวรรษที่ 29 ผลงานส่วนใหญ่แต่งในอยุธยา มีลักษณะเปลี่ยนไปเน้นสาระที่เป็นคติความเชื่อและเรื่องสนุกสนานนอกหลักธรรม ที่เป็นงานวิชาการก็ไม่แสดงความรอบรู้ของผู้แต่งมาก แสดงความเสื่อมของการสร้างสรรค์งานวรรณคดีบาลี อย่างไรก็ตาม ได้มีผู้พยายามแต่งผลงานที่ประสานสารธรรมเข้ากับรูปแบบการนำเสนอที่เป็นความนิยมของประชาชน - ผลงานที่แต่งในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3-4 ผลงานส่วนใหญ่มีลักษณะเด่นในด้านเนื้อหาที่เน้นความเข้าใจธรรมด้วยปัญญา ทั้งลักษณะการสื่อธรรมที่ผ่านกระบวนการศรัทธาตามแบบผลงานบาลีที่ผ่านมาออกไป อีกทั้งมีปฏิกิริยาตอบโต้วิธีการสื่อธรรมแบบสัทธรรมปฏิรูปด้วย ลักษณะคำประพันธ์ ขึ้นอยู่กับประเภทของผลงาน กล่าวคือ ผลงานชาดกและพุทธประวัติแต่งเป็นร้อยแก้ว มีคาถาร้อยกรองแทรก ผลงานธรรมประวัติแต่งเป็นร้อยกรองทั้งหมด ผลงานอัตถวัณณาแต่งเป็นร้อยแก้วทั้งหมด ยกเว้นผลงานสารธรรมแต่งเป็นร้อยแก้วหรือร้อยกรองตามความสอดคล้องระหว่างคำประพันธ์กับเนื้อหา และตามความถนัดและความพอใจของผู้แต่ง ลักษณะภาษา ผลงานที่แต่งในล้านนาและอยุธยามีลักษณะภาษาบาลี-ไทยแฝงอยู่ส่วนผลงานในสมัยรัตนโกสินทร์รักษารูปแบบภาษาตามแบบภาษาบาลีมาตรฐาน ผลงานภาษาบาลีเหล่านี้สะท้อนให้เห็นลักษณะของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยระหว่างพุทธศตวรรษที่ 19-23 เริ่มตั้งแต่การวางรากฐานพระศาสนาด้วยกระบวนการศรัทธาที่มีปัญญารองรับ มีการรับสารธรรมทั้งจากพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทและมหายานในช่วงพุทธศตวรรษที่ 23 มีความเสื่อม เพราะเน้นคติความเชื่อนอกแก่นพุทธธรรมมากละเลยส่วนปัญญาออกไป ในสมัยรัชกาลที่ 3-4 มีความพยายามจะวางรากฐานความเข้าใจธรรมที่อาศัยปัญญานำ การศึกษาในงานวิจัยนี้ เป็นการศึกษาแบบสำรวจ เพื่อให้เห็นภาพรวมของวรรณคดีบาลีในสายพระสุตตันตปิฏกที่แต่งในประเทศไทยตลอดสาย เป็นงานศึกษาที่มีลักษณะกว้าง ควรจะได้มีการศึกษาวรรณคดีแต่ละเรื่องให้ละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้น รวมทั้งควรศึกษาผลงานบาลีที่แต่งในประเทศไทยประเภทอื่นเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยกันอนุรักษ์และเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมด้านวรรณคดีบาลีของบรรพชนไทยให้ยั่งยืนเป็นที่รู้จักและเกิดการนำประโยชน์มาใช้ให้สมค่าสืบไป |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/29242 |
Type: | Technical Report |
Appears in Collections: | Arts - Research Reports |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
supapan_na.pdf | 46.35 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.