Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/60399
Title: | ผลทางจลศาสตร์ของอินเตอร์เฟียรอนแลมป์ดาสามต่อซับเซลลูลาร์โปรตีนโปร์ไฟล์ในเซลล์ที่ถูกทรานสเฟคด้วยไวรัสตับอักเสบบี |
Other Titles: | Kinetic effect of IFN-λ3 on subcellular protein profiling in Hepatitis B Virus transfected-cells |
Authors: | ณัฎฐิยา หิรัญกาญจน์ |
Email: | Nattiya.H@Chula.ac.th |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะแพทยศาสตร์ |
Subjects: | อินเตอร์เฟียรอน ตับอักเสบบี ตับอักเสบบี -- การรักษา Interferon Hepatitis B Hepatitis B -- Treatment |
Issue Date: | 2559 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแบบเรื้อรังสัมพันธ์กับการเกิดโรคตับที่รุนแรง เช่นตับแข็ง และมะเร็งตับ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 600,000 คนในแต่ละปี ปัจจุบันการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแบบเรื้อรังยังคงมีข้อจำกัดในการใช้ อินเตอร์เฟียรอนแลมป์ดาเป็นไซโตไคน์ที่มีคุณสมบัติในการต้านไวรัสและคุณสมบัติในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันคล้ายกับอินเตอร์เฟียรอนแอลฟา อย่างไรก็ตามการแสดงออกของตัวรับสัญญาณที่จำเพาะกับไซโตไคน์ชนิดนี้มีการแสดงออกที่จำกัด ดังนั้นอาการข้างเคียงจากการใช้ไซโตไคน์ชนิดนี้ จึงน้อยกว่าอินเตอร์เฟียรอนแอลฟา ด้วยเหตุนี้อินเตอร์เฟียรอนแลมป์ดาอาจจะเป็นยาใหม่ที่จะใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแบบเรื้อรัง ในการศึกษานี้ ผู้วิจัยแสดงให้เห็นว่าอินเตอร์เฟียรอนแลมป์ดาสามซึ่งเป็นซับไทป์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด สามารถกระตุ้นการแสดงออกของยีนต่างๆ ในกลุ่มของไอเอสจียีน และสามารถยับยั้งการเพิ่มจำนวนและการแสดงออกของยีนไวรัสตับอักเสบบีในเซลล์ที่ถูกทรานสเฟคด้วยไวรัสตับอักเสบบีที่มีชื่อว่าเฮปจีสองจุดสองจุดหนึ่งห้า โดยความสามารถดังกล่าวนี้จะแปรผันตามความเข้มข้นของยา ยิ่งไปกว่านั้นในการศึกษานี้ได้ศึกษากลไกในระดับโมเลกุลเพื่อดูการตอบสนองของโปรติโอมที่ถูกกระตุ้นด้วยอินเตอร์เฟียรอนแลมป์ดาสามในเซลล์เฮปจีสองจุดสองจุดหนึ่งห้าโดยใช้วิธีโปรติโอมิกส์ โดยพบว่าโปรตีนส่วนใหญ่ที่ตอบสนองต่ออินเตอร์เฟียรอนแลมป์ดาสามเกี่ยวข้องกับการกำจัดโปรตีน, การเพิ่มจำนวนของเซลล์, ฮีทช๊อคโปรตีน เป็นต้น และผู้วิจัยเลือกโปรตีนบางตัวมาทำการยืนยันด้วยวิธีเวสเทิร์นบลอท จากผลการทดลองทั้งหมดในการศึกษานี้ ผู้วิจัยได้เสนอว่าอินเตอร์เฟียรอนแลมป์ดาสามแสดงคุณสมบัติในการต้านไวรัสและคุณสมบัติในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อควบคุมการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ดังนั้นอินเตอร์เฟียรอนแลมป์ดาสาม จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกใหม่ที่น่าสนใจที่จะนำไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแบบเรื้อรัง และโปรตีนที่มีการเปลี่ยนแปลงหลังได้รับยา อาจจะเป็นเป้าหมายใหม่ในการรักษา อย่างไรก็ตาม การศึกษาประสิทธิภาพของอินเตอร์เฟียรอนแลมป์ดาสามในร่างกายของสิ่งมีชีวิต และการศึกษาหน้าที่ของโปรตีนนั้นๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงยังคงจำเป็นที่จะต้องศึกษาเพิ่มเติมต่อไป |
Other Abstract: | Chronic HBV infection can develop severe and mortal liver diseases such as cirrhosis and hepatocellular carcinoma (HCC) causing 600,000 deaths annually. The current anti-HBV treatments have some limitations. Therefore, the novel drugs overcoming these restrictions are still needed. Interferon-λ (IFN-λ) is a cytokine with activities like type I IFN but it has less unfavorable side effects than IFN-α because of the restriction of its receptor expression. With these reasons, IFN-λ might be a novel drug for treating patients with CHB. In this study, we demonstrated that IFN-λ3, the most potent subtypes, could induce the expression of ISGs and suppress HBV replication and HBV gene expression in a dose-dependent manner in HBV-transfected HepG2.2.15 cells. To investigate the molecular mechanism of IFN-λ3, proteomics were performed to study the global proteome responses between HepG2.2.15 and HepG2.2.15 treated with IFN-λ3. The differentially expressed proteins identified by MS were involved in proteolysis pathway, cell proliferation, heat shock proteins, etc. We selected some important proteins to confirm their expression by WB. Based on our results, we proposed that IFN-λ3 exhibited both antiviral and immunomodulatory effects to control HBV infection. Therefore, IFN-λ3 is an attractive novel candidate for CHB treatment and the altered proteins might be new therapeutic target in CHB infection. However, further studies on IFN-λ3 itself and the functional studies of altered proteins are needed. |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/60399 |
Type: | Technical Report |
Appears in Collections: | Med - Research Reports |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Nattiya H_Res_2558.pdf | 2.23 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.