Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/6645
| Title: | การนำเสนอแนวทางสำหรับผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียน ของนักเรียนระดับประถมศึกษา โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม : รายงานการวิจัย |
| Other Titles: | A proposed guideline for patents in learning fulfilment of prathom suksa students of the Chulalongkorn University Demonstration Elementary School |
| Authors: | พัชรี วรจรัสรังสี |
| Email: | ไม่มีข้อมูล |
| Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายประถม) |
| Subjects: | ครอบครัว ผู้ปกครองกับเด็ก การศึกษาขั้นประถม นักเรียนประถมศึกษา |
| Issue Date: | 2541 |
| Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
| Abstract: | การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอแนวทางสำหรับผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนของนักเรียนระดับประถมศึกษาของโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฝ่ายประถม การดำเนินการวิจัย ผู้วิจัยได้สร้างแนวทางสำหรับผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนระดับประถมศึกษา จากกลุ่มตัวอย่างเพื่อสร้างแนวทาง จำนวน 357 คน นำแนวทางที่ได้ให้ผู้ประเมินแนวทาง จำนวน 105 คน ประเมินแนวทางโดยการตอบแบบสอบถาม ชุดที่ 1 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จากนั้นผู้วิจัยได้คัดเลือกรายการปฏิบัติที่ผู้ประเมินแนวทางเห็นว่าใช้ได้ร้อยละ 80 ขึ้นไปเก็บไว้ ปรับสำนวนภาษาและอธิบายเพิ่มเติมในบางรายการ แล้วจึงให้ผู้ตรวจสอบแนวทาง จำนวน 156 คน ตรวจสอบแนวทาง โดยการตอบแบบสอบถามชุดที่ 2 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ต่อจากนั้นผู้วิจัยได้นำความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และรายการที่ผู้ปกครองได้ปฏิบัติมาปรับปรุงแก้ไข แล้วสร้างเป็นแนวทางสำหรับผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนระดับประถมศึกษา โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฝ่ายประถม ผลการวิจัย 1. แนวทาสำหรับผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนระดับประถมศึกษี่ได้จากการวิจัยประกอบด้วย 2 ส่วนคือ 1.1 ส่วนที่เป็นความเรียงประกอบด้วย คำนำ วัตถุประสงค์ วิธีใช้ และประโยชน์ที่จะได้รับ 1.2 ส่วนที่เป็นรายการปฏิบัติซึ่งประกอบด้วย 5 หัวข้อใหญ่คือ ด้านความกดดัน 10 ข้อ การสนับสนุนทางจิตวิทยา 20 ข้อ ความช่วยเหลือ 10 ข้อ การกระตุ้นพัฒนาทางสติปัญญา 40 ข้อ และการแบ่งเวลา 13 ข้อ รวมรายการปฏิบัติทั้งหมดมี 93 ข้อ 2. ผู้ปกครองส่วนใหญ่เห็นด้วยมากกับรายการปฏิบัติที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เกือบทุกข้อ คือ 77 ข้อใน 93 ข้อ และเห็นด้วยปานกลาง 16 ข้อ รายการปฏิบัติที่ผู้ปกครองเห็นด้วยมากที่สุดคือ ผู้ปกครองพูดให้เหตุผลให้นักเรียนเห็นความสำคัญของการศึกษา มีค่าเฉลี่ยถึง 2.98 ส่วนรายการปฏิบัติที่ผู้ปกครองเห็นด้วยน้อยที่สุดคือ ผู้ปกครองไม่เคยคาดหวังให้นักเรียนสอบได้คะแนนสูง มีค่าเฉลี่ยเพียง 2.09 3. ในการปฏิบัติจำนวนผู้ปกครองปฏิบัติมากกว่าไม่ปฏิบัติทุกข้อ รายการปฏิบัติที่ผู้ปกครองที่เป็นกลุ่มตัวอย่างปฏิบัติกันทุกคนคือร้อยละ 100.00 มีถึง 15 ข้อ ส่วนรายการปฏิบัติที่มีจำนวนผู้ปกครองปฏิบัติน้อยที่สุดคือ การพานักเรียนไปชมการแข่งขันตอบปัญหาที่ส่งเสริมความรู้มีผู้ปฏิบัติเพียงร้อยละ 50.64 4. ผู้ปกครองได้ให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม และบอกวิธีปฏิบัติที่ตนปฏิบัติต่อนักเรียนเพื่อส่งเสริมการเรียนของนักเรียน ซึ่งส่วนใหญ่เหมือนกับรายการปฏิบัติที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น รายการปฏิบัติที่ผู้ปกครองปฏิบัติมากที่สุดคือ การทบทวนบทเรียนให้นักเรียนเพื่อเตรียมตัวสอบ ส่วนรายการปฏิบัติที่ผู้ปกครองปฏิบัติน้อยสุดมีทั้งหมด 7 ข้อ ซึ่งส่วนใหญ่สิ่งที่ผู้ปกครองปฏิบัติกันเป็นประจำแต่ไม่ได้เขียนบอกมาเป็นรายการปฏิบัติเช่นเรื่อง การอบรมกริยามารยาทให้นักเรียน และการให้ความรับความอบอุ่นแก่นักเรียน แนวทางสำหรับผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนนี้ เป็นข้อแนะนำสำหรับผู้ปกครองที่จะพิจารณาเลือกปฏิบัติตามความเหมาะสม เพื่อช่วยพัฒนาการเรียนของนักเรียนในระดับประถมศึกษา |
| Other Abstract: | This research was to present the parents the ways of Learning Fulfillment recommended for the Chulalongkorn University Demonstration Elementary School students. The Research Procedures The researcher formed the ways for the parents how to fulfill their elementary school children's Learning achievement from the 357 samplers. Then proposed to the 05 examiners to evaluate by answering the PART I questionnaires. After that the researcher selected the practical issues approved by the examiners at 80% and revised the language and gave more description in some issues. Then forwarded them to another 156 examiners to evaluate by answering the Part II questionnaires. The researcher then studied the ideas, the comments and developed the issues had been used by the parents and finally formed the ways recommended for the Chulalongkorn University Demonstration Elementary School students. The Results 1. This was found the ways for the parents how to fulfill their elementary school, formed in two parts. 1.1 The part of composition consisted of Introduction, Objectives, Instruction, Usefulness 1.2 The part of practical issues consisted of 5 main areas such as; Pressure 10 items, Psychological Support 20 items, Help 10 items, Press for Intellectual Development 40 items and Monitoring/Time Management 13 items. They were altogether 93 items. 2. Most parents agreed mostly to the practical issues formed by the researchers (77 from 93) and 16 issues at the moderate level. The practical issue that parents agreed most was the parents, explaining how important the education is at the average of 2.98. The practical issue that parents agreed least was the parents never expect their children getting the good marks at the average of 2.09. 2. In every issue of the practical ways, there were more parents who did than who did not. There were 15 issues that every sampler did 100% The issue that parents did least was taking their children to see the academic quiz contest (50.64%) 4. The parents gave some ideas and comments. As well as describedthe practical ways they did to fulfill their children's learning achievement Most of them were the same with the researcher formed. The issue that parents did most was the Lessons' Review for the Exam. There were 7 issues that parents did least, which most of them were the things they did regulary but not concerned with the academic way such as teaching courtesy and giving the children love and warmth. These ways to fulfill the learning achievement were the suggestions for the parents to select for doing on their own needs. |
| URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/6645 |
| Type: | Technical Report |
| Appears in Collections: | Edu - Research Reports |
Files in This Item:
| File | Description | Size | Format | |
|---|---|---|---|---|
| Patcharee(Guideline).pdf | 14.6 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.