Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/75679
Title: ผลของการฝ​ึกพิลาทีสที่มีต่อสมรรถ​ภาพปอด​และอาการใน​ผู้ป่วย​โรค​จมูก​อักเสบ​จาก​ภูมิแพ้
Other Titles: Effects of pilates training on pulmonary function and rhinitis symptoms in patients with allergic rhinitis
Authors: บุลิน จิระพงษธร
Advisors: วรรณพร ทองตะโก
เจตทะนง แกล้วสงคราม
Other author: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา
Subjects: สมรรถภาพทางกาย
พิลาทีส
เยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้
การทดสอบหน้าที่ปอด
Physical fitness
Pilates method
Hay fever
Pulmonary function tests
Issue Date: 2563
Publisher: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการฝึกพิลาทีสที่มีต่อสมรรถภาพปอดและอาการในผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ อายุระหว่าง 18 - 45 ปี จำนวน 20 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มควบคุม ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ไม่ได้รับการฝึกใด ๆ จำนวน 9 คน และกลุ่มทดลอง ได้รับการฝึกพิลาทีส 60 นาที/ครั้ง 3 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นเวลา 10 สัปดาห์ จำนวน 11 คน โดยก่อนและหลังการทดลองผู้วิจัยทำการทดสอบตัวแปรด้านสรีรวิทยา ตัวแปรด้านสมรรถภาพปอด ตัวแปรด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหายใจ และตัวแปรด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว นำค่าที่ได้มาวิเคราะห์ผลทางสถิติ โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังการทดลอง โดยการทดสอบค่าทีแบบรายคู่ (Paired-t test) ที่ระดับความมีนัยสําคัญทางสถิติที่ .05 และตัวแปรด้านอาการของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ นำค่ามาวิเคราะห์ข้อมูลก่อนการทดลองและหลังการทดลองของแต่ละ​กลุ่มการทดลองโดยใช้สถิติวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซ้ำ (Repeated measured ANOVA) ที่ระดับความมีนัยสําคัญทางสถิติที่ .05 ส่วนของการวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกลุ่ม โดยการทดสอบค่าทีแบบอิสระ (Independent-t test) ที่ระดับความมีนัยสำคัญที่ .05 และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ตัวแปรด้านสมรรถภาพปอด ตัวแปรด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหายใจ และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ด้วยการวิเคราะห์สหสัมพันธ์แบบสเปียร์แมน (Spearman’s rank correlation)ที่ระดับความมีนัยสําคัญทางสถิติที่ .05 ผลการวิจัยพบว่า หลังการทดลอง 10 สัปดาห์ กลุ่มฝึกพิลาทีสมีค่าเฉลี่ยตัวแปรด้านสมรรถภาพปอด ได้แก่ ค่าปริมาตรสูงสุดของอากาศที่หายใจออกอย่างเร็วและแรงเต็มที่ ค่าปริมาตรของอากาศที่ถูกขับออกในวินาทีแรกของการหายใจออกอย่างเร็วและแรงเต็มที่ ค่าปริมาตรของอากาศจากการหายใจเข้า - ออกเต็มที่ในเวลา 1 นาทีเพิ่มขึ้นแตกต่างกับก่อนการทดลองและกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05  และมีค่าเฉลี่ยตัวแปรด้านอาการของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ได้แก่ อาการคัดจมูก อาการคันจมูก อาการจาม อาการน้ำมูกไหล อาการโดยรวม และการไหลของเลือดในโพรงจมูกลดลงแตกต่างกับก่อนการทดลองและกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีปริมาตรการไหลของอากาศสูงสุดในโพรงจมูกเพิ่มขึ้น แตกต่างกับก่อนการทดลอง อีกทั้ง กลุ่มฝึกพิลาทีสมีการเพิ่มขึ้นของค่าเฉลี่ยตัวแปรด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหายใจ ได้แก่ ค่าแรงดันการหายใจเข้าสูงสุด และค่าแรงดันการหายใจออกสูงสุด แตกต่างกับก่อนการทดลองและกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีค่าเฉลี่ยตัวแปรด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ได้แก่ ค่าแรงสูงสุดที่กระทำในเชิงมุมขณะกล้ามเนื้อหดตัวอยู่กับที่ในท่าเหยียดลำตัวเพิ่มขึ้นแตกต่างกับก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีค่าแรงสูงสุดที่กระทำในเชิงมุมขณะกล้ามเนื้อหดตัวอยู่กับที่ในท่างอลำตัวเพิ่มขึ้นแตกต่างกับทั้งก่อนการทดลองและกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวที่เพิ่มขึ้นยังมีความสัมพันธ์กันในเชิงบวกกับการเพิ่มขึ้นของสมรรถภาพปอดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหายใจ อย่างมีนัยทางสถิติที่ระดับ .05 สรุปผลการวิจัย การฝึกพิลาทีสส่งผลดีต่อสมรรถภาพปอดและอาการในผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ รวมทั้งช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหายใจและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวได้
Other Abstract: The purpose of this study was to determine the effects of pilates training on pulmonary function and symptoms in patients with allergic rhinitis. Twenty allergic rhinitis patients aged 18 - 35 years were randomized into 2 groups: control group (CON; n=9) and pilates training group (PTG; n=11). Participants in CON group do their daily routine without receiving any training program, while those in PTG group completed receiving pilates training program three time a week for ten week-long (60 minutes/time). The physiological data, pulmonary function, respiratory muscle strength and core muscle strength assessment were analyzed during the pre-test and post-tests. The dependent variables between pre-test and post-tests were analyzed by paired t-test. The rhinitis symptoms variables between pre-test and post-test were analyzed by repeated measures ANOVA. In addition, an independent t-test was used to compare the variables between groups. The correlation between pulmonary function, respiratory muscle strength and core muscle strength were analyzed by Spearman’s rank correlation. Statistical significance was defined as p < .05. The results indicated that after ten weeks, the PTG group had significantly increased in pulmonary function variables such as forced vital capacity (FVC), forced expiratory volume in one second (FEV1) and maximum voluntary ventilation (MVV) compared with pre-test and the CON group (p < .05). Moreover, the PTG group had significantly decreased in nasal blood flow and rhinitis symptoms when compared with pre-test and the CON group (p < .05). In addition, the PTG group had significantly increased in respiratory muscle strength variables such as maximum inspiratory pressure (MIP) and maximum expiratory pressure (MEP), core muscle strength variables and PNIF when compared to pre-test and CON group (p < .05). The positive significant correlation was found between core muscle strength, FVC, FEV1, MVV and MIP (p < .05). In conclusion, the present finding demonstrated that 10 weeks of pilates training improved pulmonary function, rhinitis symptoms, respiratory muscle strength, and core muscle strength in patients with allergic rhinitis.
Description: วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2563
Degree Name: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level: ปริญญาโท
Degree Discipline: วิทยาศาสตร์การกีฬาและการออกกำลังกาย
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/75679
URI: http://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2020.1016
metadata.dc.identifier.DOI: 10.58837/CHULA.THE.2020.1016
Type: Thesis
Appears in Collections:Spt - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
6270015139.pdf9.11 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.