Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/78670
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.advisor | มานิตย์ จุมปา | - |
dc.contributor.author | เกศสินี ศรีทิพย์วงศ์ | - |
dc.contributor.other | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ | - |
dc.date.accessioned | 2022-05-30T08:17:38Z | - |
dc.date.available | 2022-05-30T08:17:38Z | - |
dc.date.issued | 2564 | - |
dc.identifier.uri | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/78670 | - |
dc.description | เอกัตศึกษา (ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2564 | en_US |
dc.description.abstract | รายงานเอกัตศึกษาฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ถึงปัญหาการจัดเก็บภาษีเงินได้ที่เกิด จากคริปโทเคอร์เรนซีใน 3 ด้านหลัก ๆ ได้แก่ (1) การกำหนดประเภทเงินได้ (2) หลักการจัดเก็บภาษีเงินได้ (3) วิธีการคำนวณมูลค่ารวมถึงการกำหนดต้นทุนเพื่อจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ด้วยวิธีการศึกษาเรียบ เรียงวิธีวิจัยเชิงเอกสารเกี่ยวกับเรื่องรูปแบบของสินทรัพย์ดิจิทัล กิจกรรมที่ก่อให้เกิดเงินได้จากคริปโทเคอร์เรน ซี รวมถึงมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้จากคริปโทเคอ์เรนซีของประเทศไทยและ ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายหลังการศึกษาได้นำข้อมูลที่ได้รวบรวมมาทำการวิเคราะห์โดยการเปรียบเทียบ มาตราการจัดเก็บภาษีเงินได้ที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซีในประเทศไทยและในประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อ หาแนวทางในการกำหนดประเภทเงินได้พึงประเมิน หลักการจัดเก็บภาษีเงินได้ วิธีการคำนวณมูลค่ารวมถึง การกำหนดต้นทุนเพื่อจัดเก็บภาษี เพื่อให้สามารถใช้บังคับเป็นแนวทางการจัดเก็บภาษีเงินได้อย่างตรงตาม วัตถุประสงค์และให้มีความชัดเจนต่อนักลงทุนไทยเพื่อเสียภาษีได้อย่างถูกต้อง จากการศึกษาพบว่า สกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโทเคอร์เรนซีได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายว่าจะเป็น สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่าที่จะมาทดแทนการใช้เงินสดในปัจจุบัน จะเห็นว่าธนาคารกลางแต่ละประเทศ ได้มีการศึกษาการออกสกุลเงินดิจิทัล หรือที่เรียกว่าสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency “CBDC”) จากเทรนโลกที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้หลาย ๆ ประเทศออกกฎหมายเพื่อกำกับ ดูแลการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซี รวมถึงประเทศไทยได้มีการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ คริปโทเคอร์เรนซีอยู่ 2 ฉบับ คือ พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ซึ่งออกมาเพื่อ กำกับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อให้มีแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน โปร่งใส รวมถึงคุ้มครองผู้ลงทุนจากการลงทุน ในสินทรัพย์ดิจิทัล และพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ฉบับที่ 19 พ.ศ. 2561 ซึ่งออกมาเพื่อ กำหนดส่วนเพิ่มประเภทย่อยที่เกิดจากคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลให้เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) แห่งประมวลรัษฎากร และกำหนดให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินดังกล่าวมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา ร้อยละ 15 ของเงินได้ตามมาตรา 50 (2) (ฉ) แห่งประมวลรัษฎากร โดยผู้มีเงินได้ต้องนำเงินได้จากคริปโทเคอร์ เรนซีดังกล่าวไปรวมคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีที่มีเงินได้ จากผลการศึกษาโดยวิธีการเปรียบเทียบมาตราการจัดเก็บภาษีเงินได้ที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซี ในประเทศไทยและในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าทั้งสองประเทศมีมุมมองต่อคริปโทเคอร์เรนซีที่คล้ายกัน กล่าวคือ ในการตีความว่าคริปโทเคอร์เรนซีเป็นประเภทหนึ่งของสินทรัพย์ เนื่องจากมีเงินได้ในรูปดอกผลหรือ กำไรจากการลงทุน ไม่ได้มีลักษณะเป็นเงินตราเนื่องจากมีความผันผวนสูง และมีการจัดเก็บภาษีจากกำไร ส่วนเกินทุน (Capital gain) โดยมีความแตกต่างกันในเรื่องที่ศึกษา 3 ด้านหลัก ๆ คือ (1) การกำหนดประเภท เงินได้ (2) หลักการจัดเก็บภาษีเงินได้ และ (3) วิธีการคำนวณมูลค่ารวมถึงการกำหนดต้นทุนเพื่อจัดเก็บภาษี ในประเทศสหรัฐอเมริกาจะกำหนดวิธีการคำนวณต้นทุนไว้ชัดเจน และสามารถนำผลขาดทุนมาหักกลบกับ กำไรได้ ในขณะที่ประเทศไทยไม่ได้กำหนดวิธีการคำนวณต้นทุนไว้ชัดเจน จากการศึกษาผู้เขีย นมีข้อสรุปในเรื่องของกำหนดประเภทเงินได้จากคริปโทเคอร์เรนซีตามประมวลรัษฎากรมีความเหมาะสมแล้ว กล่าวคือ เงิน ได้ที่งอกเงยจากการลงทุนและกำไรจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซี ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) ในส่วนของเงินได้จากการขุด การได้รับชำระราคาด้วยคริปโทเคอร์เรนซี หรือในกรณีอื่น ๆ ถือเป็นเงินได้พึง ประเมินตามมาตรา 40 (8) นอกจากนี้ผู้เขียนได้เสนอแนะให้กำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในเรื่องการพิจารณา หลักการจัดเก็บภาษีเงินได้ โดยพิจารณจากการขายผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเกณฑ์ รวมถึงเสนอ วิธีการคำนวณต้นทุนการขายคริปโทเคอร์เรนซี โดยเสนอให้สามารถเลือกใช้วิธีเข้าก่อนออกก่อน (First in, First Out : FIFO) หรือวิธีต้นทุนถัวเฉลี่ย และเสนอให้กำไร/ขาดทุนจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคน ดิจิทัลสามารถนำมาหักกลบกันได้เช่นเดียวกับแนวปฏิบัติของประเทศสหรัฐอเมริกา | en_US |
dc.language.iso | th | en_US |
dc.publisher | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
dc.relation.uri | http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2021.155 | - |
dc.rights | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
dc.subject | การจัดเก็บภาษี | en_US |
dc.subject | คริปโทเคอร์เรนซี -- กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ | en_US |
dc.title | การจัดเก็บภาษีเงินได้จากคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) | en_US |
dc.type | Independent Study | en_US |
dc.degree.name | ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต | en_US |
dc.degree.level | ปริญญาโท | en_US |
dc.degree.discipline | กฎหมายเศรษฐกิจ | en_US |
dc.degree.grantor | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
dc.email.advisor | manit_j@yahoo.com | - |
dc.subject.keyword | ภาษีเงินได้ | en_US |
dc.subject.keyword | คริปโทเคอร์เรนซี | en_US |
dc.identifier.DOI | 10.58837/CHULA.IS.2021.155 | - |
Appears in Collections: | Law - Independent Studies |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
6380003034.pdf | 1.88 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.