Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/81378
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.advisor | ชยันติ ไกรกาญจน์ | - |
dc.contributor.author | วาสิตา วราสิทธิชัย | - |
dc.contributor.other | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ | - |
dc.date.accessioned | 2022-12-09T06:48:07Z | - |
dc.date.available | 2022-12-09T06:48:07Z | - |
dc.date.issued | 2563 | - |
dc.identifier.uri | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/81378 | - |
dc.description | เอกัตศึกษา น.ม. (การเงิน/ภาษีอากร)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2563 | en_US |
dc.description.abstract | ภายหลังการบังคับใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2494 หลักเกณฑ์การจัดเก็บภาษีเงินได้จากกิจการขนส่งระหว่างประเทศ จะเป็นไปตามประเภทของผู้ประกอบการ กล่าวคือนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศจะอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 67 โดยต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเฉพาะรายได้จากการขนส่งระหว่างประเทศก่อนหักรายจ่ายใด ในอัตราร้อยละ 3 ส่วนรายได้อื่นของกิจการเสียภาษีจากกำไรสุทธิ แต่สำหรับนิติบุคคลไทยจะเสียภาษีเงินได้จากกำไรสุทธิซึ่งเป็นรายได้ทั้งหมดของกิจการในอัตราร้อยละ 20 เห็นได้ว่าแม้จะประกอบกิจการประเภทเดียวกันแต่หลักเกณฑ์ที่ใช้จัดเก็บภาษีแตกต่างกัน อย่างไรก็ดีการกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวในการจัดเก็บภาษีส่งผลให้ผู้ประกอบการสองประเภทมีภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ไม่เท่ากันซึ่งขัดกับหลักความเป็นธรรมทางภาษี ทั้งยังเกิดปัญหาการแบ่งแยกรายได้จากการเสียภาษีในฐานภาษีที่แตกต่างกันและเมื่อไม่มีการกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนของรายได้จากการขนส่งระหว่างประเทศที่ต้องเสียภาษีตามมาตรา 67 ส่งผลให้มีการถ่ายโอนรายได้กันภายในกิจการเพื่อให้ได้เสียภาษีในจำนวนที่น้อยที่สุดอันเป็นการเปิดช่องและนำไปสู่การหลบหลีกภาษีอากร ด้วยเหตุนี้ผู้เขียนจึงทำการศึกษาหลักเกณฑ์การจัดเก็บภาษีจากกิจการขนส่งระหว่างประเทศของต่างประเทศเพื่อหาแนวทางการจัดเก็บภาษีที่เหมาะสมกับกิจการดังกล่าว โดยผู้เขียนเห็นว่าควรเปลี่ยนหลักเกณฑ์ให้จัดเก็บภาษีจากกำไรสุทธิของกิจการซึ่งเป็นหลักเกณฑ์เดียวกันกับการจัดเก็บภาษีจากนิติบุคคลไทยที่ประกอบกิจการขนส่งระหว่างประเทศ นอกจากจะสอดคล้องกับหลักการบริหารภาษีที่ดีแล้ว การเปลี่ยนหลักเกณฑ์เช่นนี้ยังขจัดปัญหาการแบ่งแยกรายได้ภายในกิจการเดียวกันได้อีกด้วย | en_US |
dc.language.iso | th | en_US |
dc.publisher | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
dc.relation.uri | http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2020.177 | - |
dc.rights | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
dc.subject | การขนส่ง -- ภาษี | en_US |
dc.subject | การจัดเก็บภาษี | en_US |
dc.title | ปัญหาการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 67 แห่งประมวลรัษฎากร ศึกษากรณีกิจการขนส่งระหว่างประเทศ | en_US |
dc.type | Independent Study | en_US |
dc.degree.name | นิติศาสตรมหาบัณฑิต | en_US |
dc.degree.level | ปริญญาโท | en_US |
dc.degree.discipline | กฎหมายการเงินและภาษีอากร | en_US |
dc.degree.grantor | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
dc.subject.keyword | การขนส่งระหว่างประเทศ | en_US |
dc.subject.keyword | ภาษีเงินได้ | en_US |
dc.identifier.DOI | 10.58837/CHULA.IS.2020.177 | - |
Appears in Collections: | Law - Independent Studies |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
6280074434.pdf | 2.06 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.