Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/83897
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.advisor | อนันต์ ศรีเกียรติขจร | - |
dc.contributor.author | สฤณี กลันทกานนท์ ทองทรง | - |
dc.contributor.author | บุญฤทธิ์ ทองทรง | - |
dc.contributor.author | ศิริเพ็ญ โกมลวานิช | - |
dc.contributor.other | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะสัตวแพทยศาสตร์ | - |
dc.date.accessioned | 2023-12-12T07:21:29Z | - |
dc.date.available | 2023-12-12T07:21:29Z | - |
dc.date.issued | 2552 | - |
dc.identifier.uri | https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/83897 | - |
dc.description.abstract | ไฟโตเอสโตรเจน เช่น เจนิสเตอีนและไดด์ดีซีน เป็นสารที่สามารถพบได้ในพืชตระกูลถั่ว ทั้งนี้สารดังกล่าวมีลักษณะโครงสร้างคล้ายเอสโตรเจน ซึ่งจากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าภาวะวิตกกังวลเป็นปัญหาด้านสุขภาพจิตที่พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และจากรายงานทางคลินิกและการทดลองในสัตว์ พบว่าการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นปัจจัยที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม การให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนนั้นมีข้อจำกัดในทางคลินิก ในการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของสารไฟโตเอสโตรเจน ได้แก่ เจนิสเตอีน และไดด์ดีซีน ในการลดความกังวลในหนูทดลองที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดความกังวลด้วยการตัดรังไข่เปรียบเทียบกับเอสโตรเจน และเพื่อศึกษาผลของสารดังกล่าวในการเปลี่ยนแปลงระดับความกังวลในหนูเพศผู้ โดยการทดลองแบ่งออกเป็น 2 ตอน ตอนที่ 1 ทำการศึกษาในหนูเพศเมียโดยการเหนี่ยวนำให้ขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนโดยการตัดรังไข่ หาระยะเวลาที่ทำให้หนูเกิดความกังวล และจากนั้นศึกษาว่า เอสโตรเจน เจนิสเตอีน หรือไดด์ดีซีนสามารถแก้ไขความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ ผลการศึกษาพบว่า การตัดรังไข่เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 สัปดาห์สามารถเหนี่ยวนำให้หนูเกิดความกังวล เมื่อทำการวัดด้วยอุปกรณ์ทดสอบพฤติกรรม elevated T-maze ทั้งนี้หนูที่ตัดรังไขและได้รับเอสโตรเจนทดแทนที่ระยะเวลาต่าง ๆ (7, 14, 21 และ 28 วัน) ไม่พบว่ามีความกังวลแตกต่างกัน เมื่อทำการทดสอบผลของเจนิสเตอีน (0.25 มก./กก.) และไดด์ดีซีน (0.25 มก./กก.) เทียบกับเอสโตรเจน (1 ไมโครกรัม/กก.) ในการลดความกังวลในหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดความกังวล โดยการให้สารต่าง ๆ เป็นเวลา 28 วัน ภายหลังจากการตัดรังไข่ 21 วัน พบว่าเจนิสเตอีนสามารถระดับความกังวลได้ไม่ต่างจากเอสโตรเจน ในขณะที่ไดด์ดีซีนสามารถลดความกังวลได้ไมต่างจากเจนิสเตอีนและเอสโตรเจน แต่พบว่าค่าความแตกต่างไม่มากพอที่จะทำให้เกิดความแตกต่างทางสถิติจากกลุ่มควบคุม โดยเจนิสเตอีนหรือไดด์ดีซีนไม่มีผลต่อน้ำหนักตัว หรือน้ำหนักมดลูกเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม ตอนที่ 2 ทำการศึกษาถึงผลของเจนิสเตอีนหรือไดด์ดีซีนที่มีต่อระดับความกังวลในหนูเพศผู้พบว่าการให้เจนิสเตอีน ขนาด 1 มก./กก. เป็นเวลา 5 สัปดาห์ มีแนวโน้มที่จะทำให้หนูมีความกังวลเพิ่มมากขึ้น และทำให้น้ำหนักของหนูเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการได้รับเจนิสเตอีนขนาด 0, 0.25 และ 0.50 มก./กก. โดยเจนิสเตอีนขนาดต่าง ๆ ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักอวัยวะสืบพันธุ์ ได้แก่ อัณฑะ อิพิดิไดมิส พรอสเตทแกลนด์ และเซมินอล เวสซิเคิล สำหรับผลของไดด์ดีซีนนั้นพบว่า การให้ไดด์ดีซีน ขนาด 0.25 มก./กก. เป็นเวลา 5 สัปดาห์ สามารถลดความกังวลในหนูกลุ่มนี้ได้ และถ้าให้ในขนาดที่สูงขึ้น (0.50-1.00 มก./กก.) จะเป็นการเพิ่มระดับความกังวล ทั้งนี้ไดด์ดีซีนไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักตัว หรือน้ำหนักอวัยวะสืบพันธุ์ แต่มีแนวโน้มว่าการใช้ไดด์ดีซีนในระดับสูง (1.00 มก./กก.) อาจมีผลต่อการทำงานของพรอสเตทแกลนด์ เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักลดลง จากการทดลองสามารถสรุปได้ว่าการตัดรังไข่ทิ้งไว้เป็นเวลา 3 สัปดาห์ทำให้หนูเกิดความกังวลขึ้นได้ โดยเจนิสเตอีนสามารถแก้ไขความกังวลที่เกิดขึ้นดังกล่าวได้เมื่อให้ติดต่อกันเป็นเวลา อย่างน้อย 4 สัปดาห์ โดยไม่มีผลต่ออวัยวะสืบพันธุ์ ในขณะที่การให้ไดด์ดีซีนนั้นอาจจะต้องให้เป็นระยะเวลาที่นานขึ้น หรือให้ในระดับที่สูงขึ้น สำหรับในเพศผู้นั้นเป็นที่น่าสังเกตว่าสารดังกล่าวมีผลต่อความกังวลที่แตกต่างกันโดยเจนิสเตอีนในระดับสูงทำให้มีความกังวลเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ไดด์ดิซินในระดับต่ำสามารถลดความกังวลได้ จึงเป็นที่น่าสนใจเจนิสเตอิน หรือไดด์ดิซีนอาจมีการทำงานที่แตกต่างกัน เนื่องจากความสามารถในการจับกับตัวรับเอสโตรเจนแตกต่างกัน และการให้ในหนูเพศผู้ปกตินั้นเจนิสเตอีนอาจไปมีผลรบกวนการทำงานของฮอร์โมนเอสโตรเจน และ/หรือเทสโทสเตอโรน และทำให้เกิดความกังวลขึ้นได้ | en_US |
dc.description.sponsorship | งานวิจัยนี้ได้รับเงินทุนอุดหนุนทั่วไปจากรัฐบาล ประจำปีงบประมาณ 2552 | en_US |
dc.language.iso | th | en_US |
dc.publisher | คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
dc.rights | คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
dc.subject | Soybean | en_US |
dc.subject | Plant extracts | en_US |
dc.subject | Anxiety disorders | en_US |
dc.subject | ถั่วเหลือง | en_US |
dc.subject | สารสกัดจากพืช | en_US |
dc.subject | โรควิตกกังวล | en_US |
dc.title | The usage of soy bean extracts (Genistein and Daidzein) to modulate anxiety disorder : using wistar rat as a model | en_US |
dc.title.alternative | การใช้สารสกัดจากถั่วเหลือง (เจนิสเตอีน และไดด์ดีซิน) ในการเปลี่ยนแปลงภาวะความวิตกกังวลโดยใช้หนูขาววิสตาร์เป็นต้นแบบศึกษา : รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ | en_US |
dc.type | Technical Report | en_US |
Appears in Collections: | Vet - Research Reports |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Sarinee Kal_Res_2552.pdf | รายงานการวิจัยฉบับเต็ม (Fulltext) | 27.78 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.